ลักษณะวรรณคดีสมัยธนบุรี
เนื่องจากวรรณคดีสมัยธนบุรีได้รับอิทธิพลโดยตรงจากวรรณคดีสมัยอยุธยา วรรณคดีสมัยธนบุรีจึงคล้ายคลึงกับวรรณคดีสมัยอยุธยาตอนปลายในลักษณะสำคัญต่อไปนี้
๑. แต่งด้วยร้อยกรองทั้งหมดเช่นเดียวกัน โดยใช้คำประพันธ์ทุกประเภท คือ โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน และร่าย
๒. มีธรรมเนียมในการแต่งเช่นเดียวกัน เช่น ขึ้นต้นด้วยบทไหว้หรือบทประณาม มีการบรรยายและพรรณนาอย่างเข้าแบบทั้งบทชมต่างๆและบทพรรณนาอารมณ์ความรู้สึก มุ่งความไพเราะในการประพันธ์มากกว่าเนื้อหาสาระและแนวความคิด
๓. เนื้อเรื่องมีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น ศาสนาและคำสอน เรื่องเล่าสำหรับอ่านและบทแสดงนิราศและบทสดุดี
วรรณคดีสมัยกรุงธนบุรีมีจำนวน ๖ เรื่องเท่านั้น ทั้งนี้เพราะมีระยะเวลาเพียง ๑๕ ปี และเป็นเวลาที่พระเจ้าแผ่นดินทรงมีภารกิจมากมาย เช่นการกอบกู้เอกราช การตั้งราชธานีใหม่ และการรบกับข้าศึกศัตรู
วรรณคดีทั้ง ๖ เรื่องมีประวัติย่อๆ ดังนี้
๑. บทละครเรื่องรามเกียรติ์
มี ๔ ตอน คือ ตอนพระมงกุฎ ตอนหนุมานเกี้ยวนางวานริน ตอนท้าวมาลีวราชว่าความ และตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกลดปลุกหอกกบิลพัท
ผู้แต่ง พระเจ้ากรุงธนบุรี
คำประพันธ์ ร้อยกรองประเภทกลอนบทละคร
วัตถุประสงค์ เพื่อใช้เล่นละคร และเพื่อฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม
ที่มาของเนื้อเรื่อง จากมหากาพย์เรื่องรามยณะ
๒. โคลงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
ผู้แต่ง นายสวน มหาดเล็ก
คำประพันธ์ ร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ
วัตถุประสงค์ เพื่อยอพระเกียรติพระเจ้ากรุงธนบุรี
ที่มาของเนื้อเรื่อง จากเหตุการณ์ในรัชสมัยของสมเด็จ พระเจ้ากรุงธนบุรี
๓. ลิลิตเพชรมงกุฎ
ผู้แต่ง หลวงสรวิชิต (หน)
คำประพันธ์ ร้อยกรองประเภทลิลิต
วัตถุประสงค์ เพื่อเล่านิทาน
ที่มาของเนื้อเรื่อง จากนิทานเวตาลเรื่องที่ ๑
๔. อิเหนาคำฉันท์
ผู้แต่ง หลวงสรวิชิต (หน)
คำประพันธ์ ร้อยกรองประเภทคำฉันท์
วัตถุประสงค์ เพื่อแต่งนิทานคำฉันท์
ที่มาของเนื้อเรื่อง จากเรื่องอิเหนา ตอนอิเหนาเผาเมือง
๕. นิราศเมืองกวางตุ้ง
ผู้แต่ง พระยามหานุภาพ
คำประพันธ์ ร้อยกรองประเภทกลอนเพลง
วัตถุประสงค์ เพื่อบันทึกการเดินทาง
ที่มาของเนื้อเรื่อง จากการเดินทางไปเมืองจีนของ คณะทูตไทย พ.ศ.๒๓๒๔
๖. กฤษณาสอนน้อง
ผู้แต่ง พระภิกษุอินท์
คำประพันธ์ ร้อยกรองประเภทคำฉันท์
วัตถุประสงค์ เพื่อสั่งสอนสตรี
ที่มาของเนื้อเรื่อง จากเรื่องมหาภารตะ
ภาพสะท้อนที่พบ
๑.พระมหากษัตริย์อยู่ในฐานะสูงสุด อันเป็นที่เคารพเทิดทูนของราษฎร
ดังตัวอย่างบทประพันธ์ จากโคลงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
“ บังคมบทรัชไท้ ทรงทศ ธรรมนา
พระปิ่นอยุธยายศ ยอดฟ้า
ขอแถลงนิพนธ์พจน์ เฉลิมบาท พระเอย
ไว้พระเกียรติท่านท่วมหล้า โลกเหลื้องฦาบุญ ”
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถ ทรงกอบกู้เอกราช และยังทรงเป็นที่พึ่งของไพร่ฟ้าชาวไทย และเป็นที่เคารพยำเกรงของชนชาติอื่น ดังตัวอย่างของบทประพันธ์ตอนหนึ่งว่า
“ แขกชวาวรเทศทั้ง มลายู
จีนฝรั่งลันดาดู ดาษเฝ้า
ลาวมอญย่อมถนอมชู วรบาท พระนา
พระการุณเหนือเกล้า กล่อมเกลี้ยงควรฐาน ฯ”
๒. การปฏิบัติตนของผู้หญิงในการครองเรือน
ผู้หญิงต้องเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ดี รู้จักหน้าที่ของภรรยา อยู่ในโอวาทของสามี ดังตัวอย่างจากบทประพันธ์เรื่องกฤษณาสอนน้อง
“...เราเป็นกษัตรี ชอบแต่ภักดี โดยเลศลำเนา กิริยาอัชฌาสัย กิจการแห่งเรา ปรนนิบัติบรรเทา ทุกข์โศกสวามี... ” (เป็นหญิงต้องรู้จักปรนนิบัติสามี)
“...ไม่เกรงผู้ชาย ปากกล้าท้าทาย เจรจาจองหอง ผัวว่าคำหนึ่ง ไปได้ถึงสอง ไม่ควรคู่ครอง ราศร้างห่างไกล...” (เป็นลักษณะที่ผู้หญิงไม่ควรกระทำ)
“... จงรู้พระจริตสวามี หฤทัยธิบดี
จะชอบสิ่งใดโดยตาม
อย่าทำทรลักษณ์หยาบหยาม ขืนถ้อยทางความ
จะเคืองจะคิดเคียดชัง... ” (เป็นหญิงต้องรู้จักดูแลเอาใจใส่สามี)
๓. การรับอิทธิพลจากอินเดีย
จากวรรณคดีที่ปรากฏ สะท้อนให้เห็นว่า ไทยได้รับอิทธิพลจากอินเดียในหลายๆ ด้าน รวมทั้งด้านวรรณกรรม โดยในสมัยธนบุรีก็มีวรรณคดีที่ได้อิทธิพลจากอินเดียปรากฏอยู่ คือ
- รามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าตากฯ ได้รับอิทธิพลมาจากมหากาพย์รามายณะ
- ลิลิตเพชรมงกุฎ ของหลวงสรวิชิต (หน) มีที่มาของเรื่องจากนิทานเวตาลเรื่องที่ ๑ ซึ่งเป็นนิทานของอินเดีย
- กฤษณาสอนน้อง ประพันธ์โดยภิกษุอินท์ โดยได้แบบแผนมาจากเรื่องมหาภารตะ
๔. การเจริญสัมพันธ์กับต่างชาติ
ในสมัยธนบุรี มีการเจริญสมัยไมตรีกับจีน อันจะเห็นได้จากการที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงส่งคณะราชทูตไปเจริญพระราชไมตรีกับพระเจ้าเขียนหลงแห่งกรุงปักกิ่ง เมื่อ วันอาทิตย์ เดือน ๗ แรม ๑๑ ค่ำ ปีฉลู จุลศักราช ๑๔๓ ตรงกับพุทธศักราช ๒๓๒๔ โดยมีพระยาศรีธรรมาธิราช เป็นราชทูต เจ้าฟ้ากรมหลวงนรินทรรณเรศ (ทองจัน) พระเจ้าหลานเธอในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชขณะดำรงพระยศเป็นหลวงนายฤทธิ์ นายเวรมหาดเล็กเป็นอุปทูตนำพระราชสาส์นและเครื่องบรรณาการไปถวายพระเจ้ากรุงปักกิ่ง พร้อมกับสินค้าที่จะจำหน่าย ณ เมืองกวางตุ้งแล้วนำเงินที่ได้ไปซื้อของใช้ในราชการกลับมาครั้งนั้น พระยามหานุภาพอยู่ในกลุ่มข้าราชการที่จัดการเกี่ยวกับสินค้า จึงเดินทางไปแค่เมืองกวางตุ้ง ส่วนคณะราชทูตเดินทางต่อไปจนถึงปักกิ่ง พระยามหานุภาพคงได้แต่งนิราศเรื่องนี้ในระยะเวลานั้น
ตัวอย่างบทประพันธ์
“จึงพระบาททรงราชนิพนธ์สาร เป็นตะพานนพคุณควรสงวน
ให้เขียนสารลงลานทองทวน จัดส่วนบรรณาการละลานตา
อนึ่งนอกจิ้มก้องเป็นของถวาย ก็โปรยปรายประทานไปหนักหนา
ทั้งนายห้างขุนนางในนัครา ให้มีตราบัวแก้วสำคัญกัน
แล้วจัดทูตทูลคำให้จำสาร บรรณาการพร้อมสิ้นทุกสิ่งสรรพ์
ทั้งของแถมแนมความนั้นงามครัน เป็นกำนัลถวายนอกบรรณาการ”
๕. การดำเนินชีวิตตามหลักคุณธรรมจริยธรรม
การสอนเรื่องคุณธรรมจริยธรรมมีแทรกอยู่ทั่วไปตามวรรณคดี
ตัวอย่างวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ตอนพระมงกุฎ ซึ่งแสดงถึงความกตัญญู
“มาจะกล่าวบทไป หน่อในอวตารรังสี
หาผลปรนนิบัติชนนี ทั้งพระฤษีมีญาณ
.................................
ฝ่ายสองกุมารเข้าไป ถวายผลไม้พระฤษี
แล้วกลับมาหาชนนี ยังที่พระบรรณศาลา
๖. สมัยนั้นในพระราชวังมีการแสดงระบำรำฟ้อน
๖. สมัยนั้นในพระราชวังมีการแสดงระบำรำฟ้อน
การบรรเลงวงมโหรี
ตัวอย่างจากวรรณคดีเรื่องโคลงยอพระเกียรติพระเจ้ากรุงธนบุรีที่แสดงให้เห็นว่าสมัยนั้นมีการแสดงระบำรำฟ้อน
“ มีนรนาริศเรื้อง ระบำขำ
วรรูปสุนทรรำ เรื่อยร้อง
ชูเฉลิมราชฐานบำ- เรอราช
เป็นที่สุขเขษมซร้อง พรั่งพริ้มเพราไสว”
3 สิงหาคม 2556 เวลา 16:01 -- รักษ์สุดาแพ่งตี่
3 สิงหาคม 2556 เวลา 16:01 -- รักษ์สุดาแพ่งตี่